รูปภาพ
  “ในคดีไฟแนนท์ ฟ้องผู้เช่าซื้อ ที่ถูกยึดรถคืนไปหรือส่งมอบรถคืน ต่อมาไฟแนนท์นำรถไปประมูลขาย ขาดราคาแน่นนอน และมีค่าส่วนต่าง บริษัทมันก็จะมาฟ้องเอากับผู้เช่าซื้อ คนค้ำ บางทีคนค้ำมีที่ดิน ไม่สู้คดีโดยคนเช่าซื้อไปทำสัญญายอม สุดท้ายไม่ผ่อน ไฟแนนท์ตั้งเรื่องบังคับคดี ยึดทรัพย์คนค้ำ ประเด็นไหนสู้ได้ควรสู้ ไม่ควรปล่อยผ่าน” #ทนายความ #หาทนายเพชรบุรี #ทนายคดีแพ่ง #ทนายคดีไฟแนนท์ ทนายป้องปราบเพชรบุรี รับทำคดีอาญา/ คดียาเสพติด/คดีแพ่ง/คดีปกครอง/ทั่วราชอาณาจักร ติดต่อ Line https://line.me/ti/p/9xN3jMQgkg โทรศัพท์ 08-8450-7320 https://www.legardy.com/lawyers/660 เส้นทางที่แชร์ จาก 12.9301644, 99.9138573 ไป สำนักงานทนายความป้องปราบเพชรบุรี ถ.เพชรเกษม ตำบล ต้นมะม่วง อำเภอเมืองเพชรบุรี เพชรบุรี 76000 ผ่าน ถนนหมายเลข 4 18 นาที (22 กม.) ดูเส้นทางดีที่สุดสำหรับสภาพการจราจรปัจจุบันที่ https://maps.app.goo.gl/8uKAWiByoopnryto7?g_st=ac

กรณีบิดาต้องการจดทะเบียนรับรองบุตรทำอย่างไร

 

กรณีบิดาต้องการจดทะเบียนรับรองบุตรทำอย่างไร

บิดาต้องไปยื่นขอจดทะเบียนรับรองบุตรที่สำนักงานเขตกรณีอยู่ใน กทม.หรือที่ว่าการอำเภอกรณีอยู่ต่างจังหวัด ก่อนไปยื่นคำร้องขอรับรองบุตรต่อศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่อย่างไร  ? คุณพ่อทั้งหลายทำตามดังนี้นะ

ประเด็นนี้ (มีคำตอบ) ดังนี้ 

                              กรณีที่บิดาได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัว โดยที่บิดาเด็กได้กล่าวอ้างว่าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านไม่ให้ความยินยอมในการจดทะเบียนรับรองบุตร นั้นโดยหลักการแล้วนั้น บิดาจะต้องไปยื่นคำขอจดทะเบียนรับรองบุตรต่อนายทะเบียน และปรากฎข้อมูลว่าบุตรกับมารดาบุตรไม่ให้ความยินยอมภายในกำหนดระยะเวลาที่นายทะเบียนมีหนังสือแจ้งให้มารดามาให้ความยินยอมถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิ์ของบิดาแล้ว บิดาเด็กจึงจะฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวต่อไปได้ หากปรากฎว่าบิดาเด็กยังไม่ไปยื่นคำขอจดทะเบียนรับรองบุตรต่อนายทะเบียน และมายื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวเลยทันที ศาลอาจมีคำพิพากษายกฟ้องบิดาเด็กได้

ซึ่งมีคำพิพากษาแนวฎีกาเคยวินิจฉัยในประเด็นนี้ไว้ดังนี้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2521 บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ถ้า) ประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิดก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อสำนักทะเบียน ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียน บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงจะมีอำนาจนำคดีฟ้องศาลได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลย เมื่อปรากฏทั้งจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์และทางนำสืบว่าก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กขายโอภาส ต่อนายทะเบียนหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียนข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เกิดขึ้นแก่โจทก์ ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ยกขึ้นได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)

แต่ก็ไม่ใช่บทบัญญัติที่เป็นข้อบังคับเด็ดขาดว่าจะต้องไปยื่นคำขอต่อนายทะเบียนอำเภอก่อนเท่านั้นจึงจะมายื่นคำร้องต่อศาลได้

แต่ก็ยกเว้นเป็นกรณีที่บิดา ไม่สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนรับรองบุตรได้ เนื่องจากบุตรอายุยังน้อย ไร้เดียงวส ยังไม่สามารถให้ความยินยอมได้ หรือมารดาเป็นบุคคลวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ

หรือกรณีที่ปรากฎชัดเจนว่า มารดาเด็กจะไม่ให้ความยินยอมในการจดทะเบียนรับรองบุตรอยู่แล้ว เช่นบิดาเคยมีหนังสือขอให้มารดาไปทำการรับรองบุตร แต่มารดาไม่ยอมไป มีหลักฐานยืนยันชัดเจน

 

บิดาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวได้เลย โดยไม่ต้องไปขอจดทะเบียนที่สำนักงานทะเบียนเขตหรืออำเภอก่อน ซึงได้มีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาได้ตัดสินไว้ดังต่อไปนี้ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13745/2553 ตามเจตนารมณ์ของ ป.พ.พ. มาตรา 1548 บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก โดยทั้งเด็กและมารดาเด็กจะต้องไปแสดงความยินยอมต่อนายทะเบียนด้วยนั้น มีความมุ่งหมายจะคุ้มครองสิทธิที่เด็กจะพึงได้รับจากผู้เป็นบิดาอันเป็นเรื่องประโยชน์ของเด็กและการให้ความยินยอมดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะตัว อย่างไรก็ตามการที่กฎหมายบังคับให้ผู้ขอรับรองบุตรต้องได้รับความยินยอม ก็ต่อเมื่อเด็กและมารดาเด็กอยู่ในฐานะที่จะให้ความยินยอมได้เท่านั้น เมื่อโจทก์เคยไปติดต่อสำนักงานเขตดุสิตเพื่อจดทะเบียนว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งมีอายุเพียง 7 ปี เป็นบุตรของตน แม้จะไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามระเบียบ แต่เจ้าพนักงานแจ้งโจทก์ว่าต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยทั้งสองก่อน และโจทก์ให้ทนายความมีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยที่ 1 มารดาของจำเลยที่ 2 เพื่อดำเนินการ แต่จำเลยที่ 1 มีหนังสือตอบปฏิเสธและจำเลยที่ 2 อยู่ในวัยไร้เดียงสาไม่สามารถให้ความยินยอมได้จึงเป็นที่เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า การที่จะให้โจทก์ไปยื่นคำร้องจดทะเบียนเป็นหนังสือเพื่อให้นายทะเบียนมีหนังสือถึงจำเลยทั้งสองตามมาตรา 1548 วรรคสอง ย่อมไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่า โจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2551 ป.พ.พ. มาตรา 1548 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ส่วนวรรคสามและวรรคสี่บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดาหรือไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยิมยอมเป็นการเฉพาะตัว การที่นายทะเบียนแจ้งแก่ผู้ร้องว่าไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ได้โดยไม่แจ้งการขอจดทะเบียนของผู้ร้องไปยังผู้คัดค้านและเด็กก่อนตาม มาตรา 1548 วรรคสอง หรือตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 วรรคสอง เพราะปรากฏว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนนั้น เด็กหญิง ป. อายุเพียง 3 ปีเศษ ยังไร้เดียงสาไม่สามารถให้ความยินยอมได้ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 แล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้

ปรึกษาทนายความโทรศัพท์ 088457320 ทนายป้องปราบ ทนายความจังหวัดเพชรบุรี

ทนายป้องปราบเพชรบุรี
รับทำคดีอาญา/ คดียาเสพติด/คดีแพ่ง/คดีปกครอง/ทั่วราชอาณาจักร
ติดต่อ Line
📌โทรศัพท์ 08-8450-7320
✅เส้นทางที่แชร์✅
จาก 12.9301644, 99.9138573 ไป สำนักงานทนายความป้องปราบเพชรบุรี ถ.เพชรเกษม ตำบล ต้นมะม่วง อำเภอเมืองเพชรบุรี เพชรบุรี 76000 ผ่าน ถนนหมายเลข 4

18 นาที (22 กม.)
ดูเส้นทางดีที่สุดสำหรับสภาพการจราจรปัจจุบันที่ https://maps.app.goo.gl/8uKAWiByoopnryto7?g_st=ac



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ทนายความเพชรบุรี